น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันพืชธรรมชาติที่หลายคนให้ความนิยมนำมาใช้ประกอบอาหารอย่างแพร่หลาย ทำให้มักติดภาพจำของน้ำมันมะกอกว่าเป็นน้ำมันที่ใช้สำหรับทำอาหาร แต่จริง ๆ แล้วน้ำมันมะกอกยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่าง ๆ อีกด้วย หรือจะใช้น้ำมันมะกอกเพียว ๆ บำรุงผิวก็ได้เช่นกัน ถือได้ว่าน้ำมันมะกอกเป็นสุดยอดเคล็ดลับแห่งความสวยเลยก็ว่าได้! ในบทความนี้ Derma Innovation จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “น้ำมันมะกอก” น้ำมันสารพัดประโยชน์ที่คุณคาดไม่ถึง!
น้ำมันมะกอก (Olive Oil) คือน้ำมันธรรมชาติหรือน้ำมันพืชที่สกัดจากผลของต้นมะกอก หลายคนนิยมนำน้ำมันมะกอกมาใช้ในการประกอบอาหาร รวมถึงนำมาใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะกอกต่าง ๆ เช่น ผลิตน้ำมันนวด สบู่จากน้ำมันมะกอก แชมพูสระผมจากน้ำมันมะกอก เป็นต้น
น้ำมันมะกอกจะแบ่งประเภทตามคุณภาพ ซึ่งจะวัดจากค่าความเป็นกรดไขมันอิสระในน้ำมัน (Free fatty acid) และนิยมเรียกชื่อตามความบริสุทธิ์ โดยประเภทของน้ำมันมะกอกสามารถแบ่งได้ 5 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน (Extra-Virgin Olive Oil)
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตราเวอร์จิน (Extra-Virgin Olive Oil) เป็นน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ มีคุณภาพดีที่สุด ราคาสูงที่สุด มีค่าความเป็นกรดไขมันอิสระต่ำกว่า 1% น้ำมันมะกอกประเภทนี้จะมีสีเขียวเข้ม เพราะได้มาจากการบีบเอาน้ำมันจากมะกอกสด ๆ นิยมนำมาบำรุงผิวพรรณและเส้นผมเพื่อบำรุงให้ดูสุขภาพดี ชุ่มชื้น
วิธีสังเกตน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์คือ ให้ตรวจสอบที่ฉลากสินค้าโดยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะมีคำว่า Extra-Virgin Olive Oil (EVOO) หรือน้ำมันมะกอกสกัดเย็น แต่ถ้ามีเฉพาะคำว่า Olive Oil อาจหมายถึงน้ำมันมะกอกที่ได้มาจากการกลั่นโดยใช้สารเคมี หรือส่วนผสมจากน้ำมันพืชอื่น ๆ ก็เป็นได้ ดังนั้นหากต้องการใช้น้ำมันมะกอกบำรุงผิวควรเลือกเป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะดีที่สุด
น้ำมันมะกอกเวอร์จิน (Virgin Olive Oil)
น้ำมันมะกอกเวอร์จิน (Virgin Olive Oil) คือน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์ดีมาก มีค่าความเป็นกรดไขมันอิสระต่ำ ไม่เกิน 2% ได้มาจากการบีบเอาน้ำมันออกมามะกอกสด ๆ คล้ายกันกับน้ำมันมะกอก Extra-Virgin Olive Oil แต่น้ำมันมะกอก Virgin จะใช้ผลมะกอกที่แก่กว่าและมีคุณภาพรองลงมา ฉะนั้นราคาก็จะถูกลงเล็กน้อย
น้ำมันมะกอกผสม (Pure Olive Oil)
น้ำมันมะกอกผสม (Pure Olive Oil) เป็นน้ำมันมะกอกที่ผสมผสานกันระหว่าง น้ำมันมะกอก Extra-Virgin Olive Oil กับน้ำมันมะกอกที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารเข้าไป มีค่าความเป็นกรดไขมันอิสระอยู่ที่ 3-4% ทำให้ได้น้ำมันมะกอกที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง
น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี (Refined Olive Oil)
น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี (Refined Olive Oil) คือน้ำมันมะกอกที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร มีการสกัดเอากลิ่น สี และรสเดิมออกไป โดยผ่านกรรมวิธีทางเคมีและผ่านความร้อน ทำให้น้ำมันมะกอกชนิดนี้ค่อนข้างใสและมีราคาไม่สูง
น้ำมันกากมะกอก (Olive Pomace Oil)
น้ำมันกากมะกอก (Olive Pomace Oil) เป็นน้ำมันที่สกัดเอามาจากกากมะกอกอีกที จากนั้นจึงนำไปผ่านกรรมวิธีทางเคมีและผ่านความร้อน ทำให้น้ำมันมะกอกชนิดนี้มีคุณภาพต่ำที่สุด สามารถนำมาประกอบอาหารได้
น้ำมันมะกอกดีอย่างไร? น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่ให้ประโยชน์มากกว่าโทษ หลายคนจึงนิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร รวมถึงนำมาใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมอีกด้วย เรียกได้ว่าน้ำมันมะกอกมีประโยชน์แบบ 2 in 1 กันเลยทีเดียว สำหรับประโยชน์ของน้ำมันมะกอกในด้านความงามมีดังต่อไปนี้
ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย
น้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยวิตามิน B และวิตามิน E ที่จะช่วยบำรุงผมคุณได้อย่างล้ำลึก เพิ่มความนุ่มสลวยและทำให้ผมแข็งแรง ไม่เปราะหรือขาดง่าย โดยน้ำมันมะกอกจะซึมเข้าไปในแกนผมและช่วยรักษาความชุ่มชื้น ความเงางาม ทำให้ผมดูเรียบขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผมแห้งเสีย ชี้ฟู หรือผู้ที่ผมเสียจากการทำสีผม นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังช่วยขจัดรังแค และยังช่วยให้ผมดกดำอีกด้วย
ช่วยดูแลปัญหาสิว
ประโยชน์น้ำมันมะกอกยังสามารถใช้รักษาสิวได้อีกด้วย เนื่องจากในน้ำมันมะกอกมีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ จึงสามารถป้องกันแบคทีเรียตัวก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าได้ นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังป้องกันการอักเสบ และอาการบวมแดงของสิวได้ด้วย
ช่วยบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
หากคุณมีผิวแห้งกร้าน น้ำมันมะกอกสามารถช่วยบำรุงผิวคุณให้กลับมาชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีได้ น้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยเติมเต็มน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้อย่างล้ำลึก ซึมซาบเร็ว และกักเก็บความชุ่มชื้น เมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ผิวพรรณของคุณก็จะค่อย ๆ กลับมานุ่มชุ่มชื้นอย่างแน่นอน
หน้าที่เข้าชม | 1,640 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,027 ครั้ง |
เปิดร้าน | 1 เม.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 มิ.ย. 2568 |